สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ประมูลข้าว 350,000 ตัน เงียบ 5 ราย ชิงดีกลัว ตีโง่ ซื้อแพง

จากประชาชาติธุรกิจ

เปิดประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาล 353,598 ตันในรอบ 2 ปี "เงียบ" มีผู้ส่งออกเข้ายื่นซองแค่ 5 บริษัท "เอเซีย-แคปปิตัล-ข้าวไชยพร-ไทยฟ้า-พงษ์ลาภ" เหตุขายยกโกดังไม่มีการการันตีคุณภาพข้าว หวั่น G to G ซื้อก่อนมีสิทธิขาดทุน เพราะรัฐพร้อมเทสต๊อกจนถึงสิ้นปี 2556 จับตาประมูลข้าวนึ่งวุ่น เงื่อนไขซับซ้อนยุ่งยาก เพราะให้เสนอราคาประมูลเป็นข้าวเปลือก เถียงกันไม่จบ

ผู้ สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานบรรยากาศการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารสต๊อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำ ข้าวเปลือกปี 2554/55 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ กรมการค้าต่างประเทศ 

แบ่ง เป็นข้าวขาว 5% จำนวน 152,836 ตัน กับปลายข้าวเอวันเลิศ จำนวน 200,762 ตัน รวมปริมาณข้าวที่เปิดประมูลทั้งหมด 353,598 ตัน ปรากฏเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีผู้เข้ามายื่นซองทั้งหมด 5 ราย แบ่งเป็น ข้าวขาว 5% ได้แก่ บริษัทเอเซีย โกลเด้นไรซ์, บริษัทแคปปิตัล ซีเรียลส์ เครือนครหลวงค้าข้าว, บริษัทไชยพรไรซ์แอนด์ฟู้ด และบริษัทไทยฟ้า 2511 ส่วนปลายข้าวเอวันเลิศ ผู้ยื่นซองได้แก่ บริษัทพงษ์ลาภ, บริษัทแคปปิตัล ซีเรียลส์, บริษัทไชยพรไรซ์แอนด์ฟู้ด และบริษัทเอเซีย โกลเด้นไรซ์ โดยซองประมูลทั้งหมดที่ยื่นเข้ามานี้ คณะทำงานดำเนินการระบายข้าว ที่มีนางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่าง ประเทศ เป็นประธาน จะทำการเปิดซองในวันที่ 29 กรกฎาคม เพื่อทำการคัดเลือกผู้เสนอราคาซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ราคาของคณะทำงาน ก่อนที่จะเรียกมาเจรจาต่อรองและตัดสินใจขายเป็นขั้นตอนสุดท้าย

แหล่ง ข่าวจากวงการค้าข้าวกล่าวถึงสาเหตุที่การประมูลข้าวไม่ได้รับความสนใจมากนัก เป็นเพราะว่า แม้เงื่อนไขการประมูลจะเปิดให้เอกชนสามารถไปดูสภาพข้าวที่คลังกลางก่อนยื่น เสนอซื้อ แต่รัฐบาลไม่ได้การันตีคุณภาพข้าวที่จะขาย ทำให้เอกชนส่วนหนึ่งเกิดความไม่มั่นใจในการเข้าร่วมประมูล ขณะที่ผู้ส่งออกอีกส่วนหนึ่งเกรงว่าการประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลในครั้งต่อ ๆ ไปที่กระทรวงพาณิชย์เตรียมจะระบายอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ราคาตลาดข้าวในตลาดยิ่งปรับลดลง ดังนั้นคนที่ประมูลก่อนอาจจะได้ข้าวราคาแพงกว่าและขายในตลาดต่างประเทศได้ ยาก

"ผู้ ส่งออกทุกคนทราบดีว่ารัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งระบายข้าวในสต๊อกออกมา ทั้งหมดก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อหาเงินจากการขายข้าวให้ได้ 72,065 ล้านบาทนำไปใช้คืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อใช้หมุนเวียนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 2556/57 ประกอบกับการระบายข้าวนอกเหนือไปจากวิธีประมูลแล้ว นายนิวัฒน์ธำรง 

บุญ ทรงไพศาล ยังประกาศจะใช้วิธีการแบบ G to G ต่อ ซึ่งตรงนี้ทุกคนกลัวว่าจะเป็น G to G แบบสมัย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ ที่ขายให้กับผู้ส่งออกเพียงรายเดียวแล้วนำข้าวนั้นมาขายต่อในตลาด" แหล่งข่าวกล่าว

ส่วน การประมูลข้าวนึ่งจำนวน 200,000 ตันที่กำหนดยื่นซองในวันที่ 30 กรกฎาคมนั้นมีรายงานข่าวเข้ามาว่าหลักเกณฑ์การเข้าประมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวนึ่งที่ให้ผู้ส่งออกจับคู่กับโรง สีข้าวนั้น "ยังไม่มีความชัดเจนและค่อนข้างซับซ้อนสับสนยุ่งยากมาก" โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ กำหนดอัตราส่วนข้าวเปลือกต่อข้าวนึ่ง 1.65 : 1 ตันนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับของโรงสีข้าว พร้อมบังคับให้ผู้ส่งออกต้องมีประวัติการส่งออกย้อนหลัง 3 ปี และให้นำคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมายืนยันด้วยดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากว่าผู้ส่งออกข้าว นึ่งจะเข้าร่วมการประมูลค่อนข้างน้อย หรือมีเพียงไม่กี่รายที่รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่ารัฐบาลจะเปิดประมูลข้าวนึ่ง จึงวางแผนหาข้าวเปลือกและหาโรงสีที่จะทำข้าวนึ่งได้ก่อนคนอื่น 

แหล่ง ข่าวจากกลุ่มโรงสีข้าวนึ่งให้ความเห็นว่า การประมูลข้าวนึ่งด้วยเงื่อนไขในลักษณะนี้จะมีผู้เข้าร่วมประมูลน้อยหรือไม่ มีเลยจากสาเหตุ 1) เงื่อนไขการประมูลไม่ชัดเจนในทีโออาร์ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง อาทิ ระบุแค่ "ข้าวนึ่ง" โดยไม่บอกคุณภาพและเกรดใด อาจจะเกิดปัญหาระหว่างผู้ส่งออกกับโรงสีที่จะเข้าร่วมจะมีปัญหาทางปฏิบัติ แม้ว่ากรมการค้าต่างประเทศได้ ออกประกาศรายชื่อโรงสีข้าวนึ่ง 101 โรง ที่มีกำลังการผลิตราว 2 ล้านตัน แต่ไม่ได้ระบุว่าโรงสีเหล่านั้นมีข้าวเปลือกในสต๊อกที่จะร่วมประมูลจำนวน เท่าไหร่ ส่วนกรณีที่จะให้ผู้ส่งออกซื้อข้าวเปลือกจากโรงสี ก เพื่อส่งไปปรับปรุงเป็นข้าวนึ่งที่โรงสี ข ยิ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ เพราะรัฐบาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเรื่องค่าขนส่ง นอกจากนี้ยังไม่มีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการจ้างสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็น ข้าวนึ่งด้วย 

"ปัญหา ก็คือรัฐบาลดันไปกำหนดให้ยื่นประมูลข้าวเปลือก แต่ไม่ชัดเจนเรื่องของการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวนึ่ง ใครจะเป็นคนจ่าย หากให้ผู้ส่งออกจ่าย ผู้ส่งออกก็จะต้องยื่นราคาประมูลข้าวเปลือกต่ำมาก ๆ เพราะต้องเผื่อค่าสีแปรเป็นข้าวนึ่ง นั่นหมายความว่ารัฐบาลจะยิ่งขาดทุนจากราคารับจำนำมากขึ้น ด้านกระทรวงพาณิชย์เองเคยเรียกผู้ส่งออกข้าวนึ่งไปหารือ แต่การกำหนดเงื่อนไขการประมูลไม่ได้เป็นไปตามที่เสนอและไม่มีความชัดเจน ผู้ส่งออกข้าวนึ่งจึงไม่กล้าจะเสี่ยงนำเอาออร์เดอร์สั่ง ซื้อไปวาง เพราะหากโรงสีส่งมอบข้าวนึ่งไม่ได้ ผู้ส่งออกจะต้องเสียทั้งค่าค้ำประกันการขายและเสียลูกค้า แต่มีบางรายที่อาจจะเข้าร่วมประมูล เพราะเขารู้ล่วงหน้าว่าต้องปฏิบัติอย่างไร ถือเป็นการกีดกันผู้ส่งออกข้าวนึ่งรายอื่น ๆ" แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับ ราคาข้าวในตลาดโลก ปรากฏว่าขณะนี้ราคาส่งออกข้าวขาวและข้าวนึ่งของไทย "สูงกว่า" ประเทศคู่แข่งมาก หากรัฐบาลต้องการจะระบายข้าวในสต๊อกให้ได้ หมายความว่าจะต้องลดราคาขายข้าวให้อยู่ใกล้เคียงกับคู่แข่ง เช่น ไทยอาจจะต้องลดราคาข้าวลงให้ใกล้เคียงกับราคาตลาด 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพื่อให้แข่งขันได้ เพราะไทยมีสต๊อกข้าวจำนวนมาก 17-18 ล้านตันที่ต้องระบายออก ในช่วงจังหวะเดียวกับอินเดียที่ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกข้าวเป็น 11 ล้านตันในปีนี้ละยังเป็นช่วงที่เงินรูปีอ่อนค่าลงอีกด้วย 

ส่วน ความเคลื่อนไหวในการขายข้าวสต๊อกรัฐบาลด้วยวิธีการอื่นนั้น ล่าสุด นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาแถลงข่าวว่า รัฐบาลได้เซ็นสัญญาขายข้าวขาว 100% แบบ G to G ระหว่างรัฐบาลไทยกับหน่วยงานจัดซื้อข้าวของรัฐบาลอิหร่าน (GCC) ไปแล้ว 250,000 ตัน จากปริมาณความต้องการนำเข้าข้าวของอิหร่านทั้งหมด 1 ล้านตันในช่วง 2 ปี โดยกระทรวงพาณิชย์เตรียมจะเจรจาขายรอบต่อไปปี 2557 คาดว่าจะได้ปริมาณมากขึ้นเท่าตัว (500,000 ตัน) ขณะที่ผู้ส่งออกให้ความเห็นจากการขายให้อิหร่านครั้งนี้เป็นการขายในรอบ 5 ปี โดยรัฐบาลไทยขายข้าวเป็นราคา C & F จึงไม่สามารถประเมินว่าจะมีผลต่อราคาข้าวในตลาดอย่างไร

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการส่งมอบข้าวที่ทำสัญญาซื้อขายแบบ G to G ไปเมื่อปี 2555 ปริมาณ 7.328 ล้านตัน ว่าในช่วง 6 เดือนแรกมีการส่งมอบข้าวเพิ่มอีก 3 ล้านตัน ส่วนสัญญาใหม่ที่อ้างว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำสัญญาขายข้าวกับรัฐบาลจีนไปแล้ว 5 ล้านตัน กำหนดระยะเวลาส่งมอบ 3 ปี และสัญญาขายข้าวกับอิหร่านอีก 250,000 ตัน เท่ากับว่า รัฐบาลไทยมีการทำสัญญาขายข้าวแบบ G to G ไปแล้ว 12.5 ล้านตัน แต่ยอดการคืนเงินที่ส่งกลับมาคืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กลับมีเพียง 130,000 ล้านบาทเท่านั้น


ไร่รักษ์ไม้,มูลไส้เดือน,ปุ๋ยมูลไส้เดือน,เกษตรแปรรูป,อุปกรณ์แค้มปิง,อุปกรณ์ป้องกันอุบัติภัย,เอาตัวรอดในภาวะวิกฤต

Tags :

view